เดือน: พฤศจิกายน 2017

กันไว้ดีกว่าแก้ ลงทุนกับสุขภาพสไตล์ Developer ด้วยเก้าอี้สํานักงานดีๆแนว Ergonomic

ออฟฟิศซินโดรม ออฟฟิศซินโดรม ออฟฟิศซินโดรม เป็นคำที่ได้ยินบ่อยขึ้นบ่อยขึ้นจากคนรอบตัวเพราะพฤติกรรมการทำงานต่อเนื่องระยะยาวเริ่มส่งผลให้เห็นกันแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งงานสายโปรแกรมเมอร์ที่ต้องนั่งโค้ดทั้งวันแล้ว แทบจะไม่มีใครไม่เป็นอาการนี้เลย

จริงๆมีวิธีป้องกันอยู่เยอะแยะมากมาย ซึ่งหลักๆก็คือการทำให้พฤติกรรมการทำงานถูกต้องมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นให้ลุกขึ้นเดินทุก 15 นาทีหรือนั่งเก้าอี้ที่ออกแบบมาอย่างถูกต้องเพื่อให้การนั่งไม่ทำลายหลังหรือที่เรียกว่าเก้าอี้ Ergonomic แต่สุดท้ายก็ไม่ทำกันเพราะคิดว่าน่าจะไม่เป็นอะไรหละมั้ง จนสายเกินไป วิ่งไปหาวิธีแก้กันตามระเบียบ (และก็แก้ไม่หาย)

พูดถึงเก้าอี้ Ergonomic ทำไมถึงสำคัญ? เอาผลเสียของการนั่งผิดท่ามาให้ดูก่อนเลยละกันกับ Blog เก่า “การนั่งไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นั่งทำงานผิดท่าและนานเกินไป อาจทำให้ตายก่อนวัยอันควรได้”

ก็คิดดูสิว่าคุณต้องนั่งทั้งวัน หากนั่งผิดทั้งวันจะเหลือเรอะะะ และเจ้าเก้าอี้สํานักงาน Ergonomic นี่แหละจะช่วยให้คุณนั่งได้อย่างถูกท่า ผ่านไปเป็นเดือนก็ไม่มีปัญหาอะไรให้เห็นเลย

เหตุและผลช่างเบสิค แต่นั่นแหละ น่าจะเห็นภาพว่าทำไมถึงสำคัญ ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก

แล้วคุณสมบัติของเก้าอี้สํานักงาน Ergonomic คืออะไร? คือเก้าอี้ที่จะทำให้คุณนั่งได้ถูกท่าได้ตามกรอบเล็กของภาพด้านบนนั่นเอง

1) หลังตรง

2) ข้อศอกทำมุม 90 องศากับโต๊ะ (หรือก็คือข้อศอกอยู่ระดับเดียวกับคีย์บอร์ด)

3) แขนแนบลำตัว

4) เท้าวางพื้น

5) ไหล่ไม่เกร็ง

6) มีอะไรดันหลังส่วนล่าง

แต่ปัญหาหลักๆของเก้าอี้สํานักงาน Ergonomic คือค่าตัวค่อนข้างสูง ซึ่งเราก็เจอปัญหานี้เหมือนกัน แหะๆ แต่ก็นะ ปล่อยไว้นานกว่านี้ก็คงจะไม่ดี เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมาก็เลยมีโอกาสได้ใช้เก้าอี้ Ergonomic กับเค้าสักทีจากแบรนด์ Office Intrend หรือ Ergotrend ที่นำเข้าเก้าอี้ Ergonomic จากเกาหลีมาขายแบบเยอะแยะมากมาย ซึ่งมันดีตรงที่เค้ามีขายเก้าอี้พวกนี้โดยเฉพาะก็เลยข้อมูลแน่น และยังมีเก้าอี้ให้เลือกเยอะทั้งเรื่องของรูปร่างหน้าตาไปจนถึง Functional ตาม Range ราคาที่เราจ่ายไหวด้วย

ปัญหาเรื่องฝ้าที่เห็นนั้นเกิดจากเซลล์สร้างเม็ดสีในบริเวณผิวหนังทำงานผิดปกติ และส่งเม็ดสีขึ้นมาบนผิวหนังด้านบนเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ความเข้มของสีผิวไม่สม่ำเสมอ ลักษณะคล้ายกับจุดด่างดำแต่มีบริเวณที่กระจายกว้างกว่า บริเวณบนใบหน้ามักจะเกิดฝ้าได้ง่ายเพราะมีโอกาสสัมผัสกับแสงแดดมากกว่าส่วนอื่น เช่น โหนกแก้ม หน้าผาก เหนือคิ้ว และบริเวณเหนือริมฝีปาก พบการเกิดฝ้าในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายและพบมากในวัย 30-40 ปี

ฝ้าพบบ่อยในสุภาพสตรีวัยกลางคน มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาล พบบริเวณแก้ม จมูก หน้าผาก เหนือริมฝีปากด้านบน และคาง ผื่นมักมีสีคล้ำขึ้นเมื่อถูกแสงแดด ฝ้ามีลักษณะเป็นปื้นสีน้ำตาลหรือดำ ซึ่งขอบเขตของปื้นอาจไม่ชัดเจนนัก คืออาจมีสีเข้มแล้วขอบๆอาจมีสีจางลง เป็นได้ทั่วใบหน้า ผู้หญิงจำนวนหนึ่งเข้าใจว่า ฝ้าเกิด จากอายุที่มากขึ้น โดยเฉพาะผู้หญิงที่ย่างเข้าสู่วัยทองซึ่งเป็นวัยที่หมดฮอร์โมน ทำให้ผิวพรรณมีปัญหา แต่ความจริงแล้วฝ้าเกิดจากการที่เซลล์เมลาโนไซต์ ซึ่งอยู่ในหนังกำพร้าชั้นล่างสุดของผิวหนัง ผลิตเมลานินหรือเม็ดสีออกมามากเกินจำเป็น

ชนิดของฝ้ามี 3 ชนิด ได้แก่
1. ฝ้าที่เกิดในบริเวณหนังกำพร้า มีลักษณะเป็นผื่นสีน้ำตาลเข้ม สามารถมองเห็นได้ชัด ฝ้าชนิดนี้ค่อนข้างตอบสนองดีต่อการรักษา เนื่องจากเม็ดสีเมลานินอยู่ไม่ลึกในผิวหนังจึงง่ายต่อการกำจัด
2. ฝ้าที่อยู่ในชั้นหนังแท้ ผื่นฝ้าจะเป็นสีน้ำตาลผสมสีเทาเข้ม ขอบเขตจะเห็นไม่ชัดเจนเนื่องจากเม็ดสีเมลานินอยู่ในระดับที่ลึกมากขึ้น มีผลทำให้รักษาค่อนข้างยาก ตอบสนองไม่ดีต่อการรักษา
3. ฝ้าชนิดผสม มีเม็ดสีเมลานินสะสมมากผิดปกติทั้งในชั้นหนังแท้ และหนังกำพร้า การแยกชนิดของฝ้านั้นจะมีประโยชน์ต่อการรักษา ทำให้สามารถประเมินได้ว่าจะรักษาได้ผลดีมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามการตรวจด้วยสายตาอาจมีข้อจำกัด บางครั้งอาจต้องใช้กล้องแสงอัลตราไวโอเลต ช่วยในการจำแนกชนิดของฝ้า สาเหตุการเกิด สาเหตุของการเกิดฝ้านั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่าน่าจะมีปัจจัยหลายอย่างร่วมกันได้แก่ แสงแดด ฮอร์โมน ยา การแพ้เครื่องสำอาง ตลอดจนพันธุกรรม

การรักษาฝ้าโดยแพทย์จะช่วยให้ฝ้าจางลงได้ในเวลาอันรวดเร็วร่วมกับการป้องกันตนเองจากแสงแดดอย่างเหมาะสม ซึ่งไม่ใช่การให้ยากันแดดเพียงอย่างเดียว ส่วนบรรดาไวเทนนิ่งทั้งหลาย เช่น กรดวิตามินซี กรดโคจิก สารสกัดจาก ชะเอมเทศ (licorice) สารอาร์บูติน (arbutin) หรือสารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) ทั้งหลายที่มีวางเกลื่อนเมืองนั้นก็อาจจะช่วยเสริมการรักษาฝ้าได้บ้าง ส่วนจะได้ผลมากน้อยแค่ไหนนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของสารดังกล่าว รวมถึงการตอบสนองของผิวต่อสารต่างๆในแต่ละคน และความสม่ำเสมอในการใช้ครีมเหล่านั้นด้วย

ความถูกต้องในการตลาดของผู้มีอิทธิพล

เมื่อเราพูดว่า “Authenticity” มันก็คือคุณภาพของแท้หรือของแท้ พวกเขากล่าวว่าความถูกต้องจะไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ทางการตลาดเสมอไป (Really?) แต่ควรจะเป็น! มีนักการตลาดบางคนที่เชื่อในการจ่ายค่าอิทธิพลและมีบางคนที่เลือกใช้การแลกเปลี่ยนความคิดที่เป็นของแท้มากขึ้น หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของแคมเปญการตลาดที่มีอิทธิพลต่อผู้มีอิทธิพลคือสอดคล้องกับผู้มีอิทธิพลที่ตรงกับบุคลิกของแบรนด์ กระบวนการทำงานได้ดียิ่งขึ้นหากแบรนด์กำลังทำงานร่วมกับคนที่เชื่ออย่างแท้จริงในสิ่งที่พวกเขากำลังโปรโมต

วันนี้นักการตลาดอยู่ในแนวหน้าและต่อสู้เพื่อให้ความสนใจการอนุมัติการสรรเสริญจาก millennials และเราจะไม่ลืมเกี่ยวกับ “การขาย” ประชากรของวัยรุ่นและหนุ่มสาวผู้บริโภควัยผู้ใหญ่ไม่เพียง แต่มีอำนาจในการมีอิทธิพลอย่างมีประสิทธิภาพอื่น ๆ แต่พวกเขามีอำนาจการใช้จ่ายรายปี 200 ล้านเหรียญใช่ใช่มันมีประสิทธิภาพมากใช่มั้ย? แบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในการจับส่วนแบ่งการตลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมของพวกเขาคือกลุ่มผู้ที่เข้าใจว่าอะไรคือความต้องการของผู้บริโภคในการตัดสินใจซื้อและดำเนินการกับผลิตภัณฑ์

ความถูกต้องยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แคมเปญประสบความสำเร็จจากการแสวงหาแบรนด์ที่ไม่มีวันสิ้นสุดเพื่อสร้างเนื้อหาที่มีส่วนร่วมกับผู้มีอิทธิพล ความถูกต้องกลายเป็นคำที่มีกำไรและมีกำไรมากที่สุดในหมู่แบรนด์ผู้มีอิทธิพลและนักการตลาดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

Millennials เป็นกลุ่มประชากรที่ใหญ่ที่สุดและมีอิทธิพลมากที่สุดกลุ่มหนึ่งที่มีเนื้อหาเหนือเนื้อหา มี 43% ของ millennials จัดอันดับความถูกต้องเหนือเนื้อหาเมื่อใช้ข่าวพวกเขาต้องไว้ใจ บริษัท หรือเว็บไซต์ข่าวก่อนที่จะพิจารณาผลิตภัณฑ์ พวกเขาสามารถระบุเนื้อหาปลอมและไม่จริงเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็วและจะถูกละเลยโดยผู้บริโภคจำนวนมาก

เหตุใด “Authenticity” จึงสำคัญที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาด? นักการตลาดต้องการให้แน่ใจว่าเรื่องราวของพวกเขาติดอยู่กับผลิตภัณฑ์ ความจริงใน Influencer Marketing ก็เหมือนกับการเผยแพร่ข่าวสารเกี่ยวกับเพื่อนของคุณในวิทยาเขตทั้งมวลเมื่อคุณยังอยู่ในระดับวิทยาลัยหรือในปีที่ต่ำกว่าแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือสิ่งที่คุณทำย้อนกลับไปแล้วคือการแพร่กระจายข่าวสารที่ไม่ถูกต้องในด้านการตลาดที่มีอิทธิพลซึ่งคุณกำลังแพร่กระจายอยู่ ข่าวของแท้ ในฐานะผู้มีอิทธิพลเป้าหมายของคุณคือการเล่าเรื่องที่น่าเชื่อถือเพื่อให้ได้รับยอดขายและการตอบรับเชิงบวกจากผู้บริโภค

การสร้างความไว้วางใจเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลามาก แต่ถ้าทำได้ถูกต้องอาจส่งผลต่อความสำเร็จสูงสุด: การได้รับการสนับสนุนสำหรับแบรนด์ของคุณ เมื่อแบรนด์เหมาะสมกับการใช้ชีวิตของ influencer ผู้มีอิทธิพลมักจะสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์ของคุณโดยอัตโนมัติดึงดูดแบรนด์ของแบรนด์ซึ่งส่งผลต่อการเชื่อมต่อที่แท้จริง และเมื่อผู้ชมที่มีอิทธิพลเห็นความสัมพันธ์ที่แท้จริงพวกเขารู้ว่านักการตลาดไม่เพียงแค่จ่ายผู้มีอิทธิพลเพียงเพื่อประโยชน์ในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ แต่นักการตลาดและผู้มีอิทธิพลก็ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่มีความหมายซึ่งจะทำให้แบรนด์เป็นแบรนด์เดียวกัน เป็นชุมชนที่คุณทั้งสองสนใจ

ผู้มีอิทธิพล กำหนดอัตรา “ความถูกต้อง” เป็นลำดับความสำคัญอันดับหนึ่งในการพิจารณาว่าจะทำงานร่วมกับแบรนด์หรือไม่ ดังนั้นนักการตลาดควรมุ่งมั่นที่จะใช้เสียงของผู้มีอิทธิพลเพื่อสร้างการเชื่อมต่อระหว่างผู้ชมกับแบรนด์ นี่อาจประสบความสำเร็จได้ด้วยการบอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์ผ่านทางผู้มีอิทธิพลมากกว่าแค่พยายามที่จะโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณซึ่งอาจติดป้ายว่าแบรนด์ไม่ถูกต้อง