ทีนี้ คำถามก็คือ ถ้าเราให้ความสำคัญกับทั้งความคุ้มครอง และผลตอบแทนที่ได้ พร้อมๆกันล่ะ เราจะเปรียบเทียบประกันรถยนต์ยังไง?
หลักการคิดก็คือ เราต้องเอาปัจจัยแต่ละตัวมา “ถ่วงน้ำหนัก” ว่าเราให้น้ำหนัก หรือความสำคัญกับเรื่องใดเท่าไหร่ (แต่รวมกันน้ำหนักต้องเท่ากับ 100%) แล้วนำทั้ง 2 ค่าที่ได้มารวมกัน แล้วจึงเลือกแบบประกันที่มีค่าสูงที่สุด
แต่ปัญหาก็คือ ค่าความคุ้มค่าของความคุ้มครองที่ได้ (เบี้ยหารทุน) กับ IRR มันมีฐานคะแนนที่ต่างกัน เราไม่สามารถถ่วงน้ำหนักแล้วจับมารวมกันได้โดยตรง เราจำเป็นต้องทำให้ฐานคะแนนของตัวแปรทั้ง 2 ตัวเท่ากันก่อน ทางออกก็คือ อาจจะใช้วิธี “ให้คะแนน” ของค่าที่คำนวณได้ (คะแนนที่ได้) เทียบกับค่าที่สูงที่สุดของตัวแปรนั้น (เหมือนเป็นคะแนนเต็ม) โดยการจับหาร แล้วคูณ 100 เพื่อให้คะแนนออกมาเป็น % (เหมือนคะแนนเต็ม 100) แต่ก็มีปัญหาอีกว่า เราไม่รู้ว่าค่าสูงสุดของตัวแปรแต่ละตัวมีค่าเท่าไหร่ (แบบประกันตัวไหนในท้องตลาดที่มีค่าความคุ้มค่าของความคุ้มครองสูงที่สุด และแบบไหนมี IRR สูงที่สุด) เราจะรู้ได้ก็ต่อเมื่อ เรามีข้อมูลของแบบประกันทุกแบบ จากทุกบริษัทประกัน มาให้เราเปรียบเทียบประกันรถยนต์ตัวช่วยเปรียบเทียบแบบประกัน
ถึงจุดนี้ หลายๆคนอาจจะกุมขมับแล้วคิดในใจว่า “แล้วฉันจะไปทำเองได้ยังไง?” เมื่อต้องคิดว่าแบบประกันของแต่ละบริษัทมีเยอะแค่ไหน ไหนจะมีอีกตั้งกี่บริษัทอีก คงจะเอามาเปรียบเทียบกันไม่หวาดไม่ไหวอย่างแน่นอน แต่วันนี้เราอาจจะเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เมื่อเตรียมหาข้อมูลของแบบประกันทั้งหมด โดยใช้เอ็นจิ้นที่คิดค้นเองที่ใช้แนวคิดจากหลักการการเปรียบเทียบที่ว่ามา เป็นคนเปรียบเทียบประกันรถยนต์ต่างๆตามความต้องการให้เราเอง ที่เราต้องทำก็เพียงแค่กรอกเพศ อายุ เลือกแบบประกันที่ต้องการ ใส่ค่าทุนประกัน หรือเบี้ยประกันที่ต้องการ แล้วเลือกน้ำหนักที่จะให้ความสำคัญของความคุ้มครองและผลตอบแทน (เลือกได้ 5 ระดับ) เพียงเท่านั้น ระบบก็จะคิดคำนวณและเสนอแบบประกันที่มีคะแนนสูงสุด 3 อันดับแรกให้เราเลือก โดยแทบไม่ต้องเสียเวลามานั่งรวบรวมข้อมูลแล้วเปรียบเทียบเองเลย